Header Ads

ทำไมคนฮ่องกงถึงออกมาประท้วง (ตอนที่ 3 ) – รากเหง้าของปัญหา

ทำไมคนฮ่องกงถึงออกมาประท้วง 

(ตอนที่ 3) – รากเหง้าของปัญหา


 ตามกฎหมายพื้นฐาน (Basic Law) นั้น ประเทศจีนจะคงระบบการปกครองของฮ่องกงเช่นเดิมต่อไปอีก 50 ปีโดยทางปักกิ่งจะทำหน้าที่ดูแลในด้านสำคัญต่าง ๆ เช่น ด้านต่างประเทศ การกำกับดูแลคณะบริหาร เป็นต้น ดังนั้น ผู้ว่าการเกาะฮ่องกงที่ผ่านการเลือกตั้งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลกลาง ซึ่งก็ดำเนินการตามกฎหมายพื้นฐานนี้ตั้งแต่ผู้ว่าการฯคนแรกคือ ต่งเจี้ยนหัว (董建华)มาจนถึงคนล่าสุดนางแครี่ หลั่ม (林郑月娥)รวมแล้ว 22 ปี แม้จะมีเหตุการณ์ปะท้วงบ้างในสมัยผู้ว่าการฯเหลียงเจิ้นยิง (梁振英)โดยเฉพาะเหตุการณ์ยึด Central แต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้

ผู้ประท้วงฮ่องกง
ม็อบเสื้อดำบุกเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ทำลายอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งป้าย ตู้จำหน่ายบัตร ที่ตรวจบัตรเข้าออก ฯลฯ

สาเหตุความรุนแรง

ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว ม็อบเสื้อดำที่ออกมาประท้วงโดยเฉพาะเยาวชนที่อยู่ในวัย 20 กว่า ๆ นั้นเป็นกลุ่มที่ไม่เคยสัมผัสกับการปกครองของเจ้าอาณานิคมอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าอังกฤษให้สิทธิเสรีภาพเหนือกว่าจีน แต่เหตุที่พวกเขามีความคิดเช่นนี้คงต้องมองประเด็นแวดล้อมต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ดังนี้

อาจารย์มหาวิทยาลัยหั่งเส็ง
อาจารย์ส่วนชุดม๊อบเสื้อดำมาสอนที่ Hang Seng University of Hong Kong

ด้านการศึกษา

การศึกษาที่ไม่เสริมสร้างความสำนึกแผ่นดินเกิด ไม่เรียนประวัติศาสตร์ จึงยากที่จะทำให้ประชาชนของชาตินั้น ๆ เกิดความรักชาติรักแผ่นดินตัวเอง โดยเฉพาะตำราเรียนที่เรียกว่า 通识 หรือความรู้ทั่วไป หรือจะเรียกให้เข้ากับของบ้านเราก็คือ “เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต” เป็นตำราที่โรงเรียนสามารถเขียนขึ้นมาเองโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการอนุมัติของกระทรวงศึกษา จึงเป็นช่องทางของกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกฮ่องกงเผยแพร่แนวคิดที่เป็นการล้างสมองของเยาวชนให้เกิดความเกลียดชังประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศแม่ตัวเอง นอกจากนั้น ครูในวัยหนุ่มสาวก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่คอยปลุกฝังความคิดเกลียดชังประเทศจีนให้กับลูกศิษย์ตัวเอง

ตำราล้างสมองของฮ่องกง
บางส่วนของเนื้อหาในตำราเรียนฮ่องกง

ด้านสังคม

การเผยแพร่แนวคิดเกลียดชังจีนไม่ได้มีเพียงในตำราเท่านั้น ในวงการท่องเที่ยวเอง ไกด์นำเที่ยวก็จะคอยพูดจาเสียดสีด้วยข้อมูลเชิงลบแก่นักท่องเที่ยว แม้กับนักท่องเที่ยวไทยซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองบ้านเขาก็ตาม ส่วนในด้านภาพยนตร์ก็จะมีการสอดแทรกเรื่องนี้เช่นกัน อย่างที่เคยชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่นางเอกเป็นนักศึกษาจากแผ่นดินใหญ่ ในฉากมีเด็กหญิงที่กำลังกินไอศครีมแล้วทำหกจึงร้องไห้ นางเอกเห็นเข้าก็เข้าไปปลอบกลับถูกเด็กคนนั้นสวนกลับมาว่า “อีหมวยจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ต้องมายุ่ง ฉันเกลียดเธอ ไปให้พ้น” ซึ่งฉากนี้ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรเกี่ยวข้องกับบทในภาพยนตร์เลย เพียงแต่ต้องการสอดแทรกความคิดเกลียดชังจีนเท่านั้น

การจราจลที่ฮ่องกง
ภาพจาก 文汇网

ด้านศาล

เนื่องจากจีนเองต้องการคงฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคนี้ จึงยอมคงระบบศาลของฮ่องกงไว้เพื่อให้นักลงทุนชาวต่างชาติเกิดความมั่นใจ ดังนั้น คณะลูกขุนจึงเป็นฝรั่งชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ หรือแม้จะเป็นชาวฮ่องกงก็จะเป็นผู้ถือสองสัญชาติ ดังนั้นคงคาดเดาได้ว่า เมื่อจะต้องพิพากษาเรื่องคดีทางการเมือง คณะลูกขุนจะพิพากษาออกมาเช่นใด ดังเช่นกรณีของปฏิวัติร่มที่ตำรวจเข้าไปจับกุมผู้ประท้วงฟ้องศาล กลับกลายเป็นว่าตำรวจต้องติดคุกเนื่องจากทำร้ายร่างกายผู้ประท้วง หรือในเหตุการจราจลปัจจุบันเช่นกัน ผู้ที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ได้รับการประกันตัวหรือถูกปล่อยตัวโดยไม่ต้องรับโทษ และเกิดกรณีที่ชาวฮ่องกงเรียกว่า “เช้า-ตำรวจจับกุม บ่าย-ศาลปล่อยตัว”

ด้านสื่อ

สำหรับสื่อตะวันตกนั้นคงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะเสนอข่าวในทำนองไหน ในกรณีของฮ่องกงเนื่องจากตะวันตกไม่ชอบจีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเสนอข่าวที่เป็นคุณต่อกลุ่มเสื้อดำ ถึงขั้นที่ยอมลงทุนบิดเบือนข่าวอย่างกรณีของ CNN จนถูกตำรวจฮ่องกงจับได้และงัดหลักฐานออกมาเปรียบเทียบระหว่างข้อเท็จจริงกับรายงานข่าว จนทาง CNN ต้องออกมายอมรับผิดและขอโทษอย่างเป็นทางการ

สื่อฮ่องกง
สื่อฮ่องกงรุมถ่ายภาพตำรวจโดยไม่สนใจว่าเหตุการณ์อีกด้านหนึ่งคืออะไร (ภาพจาก People Daily)

สำหรับสื่อท้องถิ่นของฮ่องกงเองส่วนใหญ่อยู่ภายใต้อิทธิพลของ Apple Daily ของ Jimmy Lai เจ้าของสื่อและเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ Giordano ซึ่งทรงอิทธิพลมากในการเผยแพร่แนวคิดต่อต้านรัฐบาลจีน รวมถึงเป็นหนึ่งในนายทุนใหญ่ที่ให้ทุนสนับสนุนการประท้วง ส่วนสื่ออื่น  ๆ ก็จะเป็นสื่อประเภท New Media เช่นประเภทโซเชียล มีเดีย เว็บไซต์ เป็นต้น ดังนั้นการประท้วงครั้งนี้ภาพที่ออกมาจึงออกมาในแนวเดียวกันหมด เพราะสื่อที่จะเข้าไปทำข่าวในพื้นที่ได้จะต้องมีบัตรผู้สื่อข่าวพร้อมเสื้อกั๊กสะท้อนแสง การได้สิ่งเหล่านี้มาต้องทำยังไง… ก็ต้องยื่นสมัครแล้วให้คณะกรรมการสมาคมสื่ออนุมัติ ซึ่งคณะกรรมการส่วนใหญ่มาจากสื่อในเครือของ Apple Daily การได้รับบัตรและเสื้อกั๊กหรือไม่นั้นจะว่ายากก็ยาก ถ้าคุณเป็นสื่อที่อยู่ตรงข้ามกับผู้ประท้วง ยกเว้นคุณเป็นสื่อใหญ่เก่าแก่อย่างต้ากง (大公)เหวินฮุ่ย(文汇)เป็นต้น แต่ถ้าเป็นสื่อนิวมีเดียก็เพียงแค่แจ้ง URL เว็บไซต์ให้เขาตรวจสอบถ้าเป็นพวกเดียวกันก็ผ่าน เพียงจ่ายเงินค่าสมาชิก 100 เหรียญฮ่องกงและค่าบัตรค่าเสื้อกั๊ก 50 เหรียญ ถ้าเป็นนักศึกษาก็จ่ายเพียงแค่ 20 เหรียญ เห็นหรือยังว่าทำไมสื่อฮ่องกงจึงแทบจะออกมาเป็นเสียงเดียวกัน และตอนหลังก็มีประเภทสื่อปลอม โดยออกบัตรผู้สื่อข่าวให้เพื่อสามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ พวกผู้สื่อข่าวปลอมนี้จะทำหน้าที่คอยขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเพื่อกระทำการบางอย่าง พวกเนี้พร้อมที่จะ”แปลงร่าง”จากประชาชนเป็นผู้สื่อข่าวตามแต่วัตถุประสงค์ที่ต้องการในขณะนั้น

สื่อฮ่องกง
อีกแง่มุมหนึ่งเกี่ยวกับการทำงานของสื่อ (ภาพจาก 文汇网)

ช่วงต้นการประท้วงนั้น สถานี TVBS เคยเสนอข่าวทั้งสองด้าน จนกลุ่มผู้ประท้วงเกิดความไม่พอใจและกดดันให้ผู้ลงโฆษณาให้ถอนโฆษณาออก ซึ่งก็มีน้ำดื่ม sports drink ญี่ปุ่นแบรนด์ Pocari Sweat บ้าจี้ทำตามกลุ่มผู้ประท้วง ส่วนอีกสถานีหนึ่งคือ RTHK (Radio Television Hong Kong) จะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่มเสื้อดำ จนชาวฮ่องกงเรียกสถานีนี้ว่า 伤港电台 (สถานีทำร้ายชาวฮ่องกง) จากชื่อที่ถูกต้องคือ 香港电台 (สถานีฮ่องกง)

จากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เยาวชนฮ่องกงต้องซึมซับรับรู้ทุกวันๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมีความรู้สึกแปลกแยกกับประเทศแม่ตัวเอง โดยชูอังกฤษและอเมริกาเสมือนหนึ่งว่านี่คือประเทศของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ประเทศเหล่านี้ไม่เคยมีความจริงใจที่จะให้ความช่วยเหลือจริง นอกจากต้องการสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศจีน แต่กลุ่มเยาวชนเหล่านี้ก็ไม่เดียงสาบางคนถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตกว่า ต้องการให้ฮ่องกงมีเอกราชของตัวเองและร้องขอให้ต่างชาติส่งกองกำลังทหารเข้ามาช่วยฮ่องกง หรือบางคนถึงขั้นประกาศว่า “ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอเกิดเป็นแมลงวันที่ตอมอยู่บนกองอุจจาระสุนัขอังกฤษยังดีกว่าเกิดเป็นคนจีน”

chaophraya.net

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.