ลี กาชิง ซูเปอร์แมนแห่งเกาะฮ่องกง
ลี กาชิง ซูเปอร์แมนแห่งเกาะฮ่องกง
ลี กาชิง เกิดเมื่อปี 1928 มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ตอนอายุ 12 ปีครอบครัวของเขาอพยพมาอยู่ที่ฮ่องกงเนื่องจากต้องหนีภัยสงคราม
อาศัยอยู่ฮ่องกงได้เพียง 2 ปีไม่ทันตั้งหลักทำอะไร บิดาของเขาก็ล้มป่วยเสียชีวิตไป ก่อนพ่อเขาจะจากไปแทนที่พ่อจะเป็นคนสั่งเสีย เขากลับบอกพ่อว่า ''พ่ออย่าห่วงไปเลย ผมจะทำให้ครอบครัวลีของเรามีชีวิตที่ดีตลอดกาลนาน"
หลังจากพ่อตาย เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ทั้งๆ ที่พึ่งเรียนได้แค่ ม.ต้น เพื่อมาหารายได้เลี้ยงดูแม่และน้อง เขาเริ่มต้นจากการรับจ้างเป็นกรรมกรทั่วไป กระทั่งมาทำงานที่โรงงานพลาสติกแห่งหนึ่ง เขาทำงานหนักวันละ 16-20 ชม. ขยันทำงานเต็มความสามารถแม้ได้เงินน้อยนิด จนได้รับโบนัสสูงกว่าพนักงานคนอื่นๆ ในโรงงาน
ความรู้คือต้นทุน
แม้จะทำงานอย่างหนักแต่เขาก็ไม่เคยหยุดเรียนรู้ ลีจะตื่นตี 4 ทุกวันเพื่อมาอ่านหนังสือและใช้เวลาว่างหลังเลิกงานไปกับการเรียนพิเศษเพิ่มเติม เพื่อเป็นการชดเชยที่เขาไม่มีโิอกาสได้เข้าโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ และจากการที่เขาทำงานหนักเอาเบาสู้พร้อมทั้งพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาทำให้ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการใหญ่ของโรงงานพลาสติกตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี จนเกิดความคิดอยากออกมาสร้างกิจการเป็นของตนเอง
วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม
ในปี 1950 เขารวบรวบเงินเก็บจำนวน 7,000 เหรียญสหรัฐไปเปิดโรงงานพลาสติกเป็นของตนเอง สาเหตุที่เลือกธุรกิจนี้เพราะเขาเห็นว่าธุรกิจพลาสติกถือเป็นธุรกิจที่มีอนาคตสดใส เนื่องจากพลาสติกเป็นสินค้าใหม่ที่สามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลาย อายุการใช้งานยาวนาน ราคาถูก เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจของลีเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก
จงให้แล้วเจ้าจะได้รับ
"ต้องให้ลูกค้ามากกว่าที่ลูกค้าคิด" คือปรัชญาที่เขายึดถึงมาตลอด ดังเช่นเรื่องเล่าเรื่องนี้
ในช่วงแรกที่ทำธุรกิจดอกไม้พลาสติก ได้มีการส่งสินค้าไปจำหน่ายที่อเมริกาใบสั่งซื้อคือ ลังละ 100 ดอก แต่ลี กาชิง สั่งให้ใส่ไปลังละ 101 ดอก จึงโดนซัพพลายเออร์แนะนำเชิงต่อว่า ว่าทำการค้าผิดพลาด แต่ลี ชี้แจงอย่างนอบน้อมว่า สาเหตุที่ใส่ไปเกินนั้นเป็นเพราะการขนส่งทางไกลดอกไม้อาจเสียหาย จึงตั้งใจชดเชยไว้ลังละ 1 ดอก เพื่อลูกค้าจะได้ไม่เสียหายและเสียเวลานั่นเอง จากวิธีการนี้ทำให้ลี ได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้ตลาดดอกไม้พลาสติกในสหรัฐอเมริกาเกือบทั้งหมดในเวลาต่อมา
มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองข้าม
เขามองเห็นว่าอนาคตเกาะฮ่องกง จะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าและการคมนาคมของเอเชียที่สดใส ลีจึงเริ่มสะสมซื้อที่ดินราคาถูกเพื่อพัฒนาเป็นที่อยู่หลายแห่ง จนทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในช่วงเวลาไม่นาน
"โอกาสทองของผม คือการจ้องซื้อของถูกแล้วเอาไปขายแพง ผมโชคดีที่มองอะไรไม่ค่อยพลาด สิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ผมจะเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น ไม่ว่าจะดูคน การคบคน การดูที่ดิน การมองทำเล ผมจะกว้านซื้อเฉพาะของที่ราคาตก ผมไม่ซื้อของแพง ทุกคนมองว่าผมเสี่ยง แต่ทุกครั้งที่ผมเสี่ยง ผมไม่เคยขาดทุน"
ก้าวต่อไปไม่หยุดยั้ง
แม้จะประสบความสำเร็จแล้วแต่ลี ก็ไม่เคยหยุดอยู่กับสิ่งใดหรือพักฉลองความสำเร็จของตัวเองนาน เพราะในโลกธุรกิจการหยุดเท่ากับการเดินถอยหลัง
ไม่มีความคิดเห็น